“พีเค ปิยะวัฒน์” เปิดหมดเปลือกจุดเปลี่ยนชีวิต เคยเสียน้ำตาเพราะความรัก

เป็นอีกหนึ่งคนดังมากความสามารถ “พีเค-ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร” พิธีกรระดับแถวหน้าของเมืองไทย ที่มานั่งคุยกับพี่ชายสุดซี้ “น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา” ในรายการ “จุดเปลี่ยนสายแข็ง by BDMS” ทาง “พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36”

โดย “พีเค” เล่าหมดเปลือกจุดเปลี่ยนชีวิต ทั้งเรื่องราวส่วนตัวที่เจอบทพิสูจน์ชีวิตตั้งแต่เด็กก่อนจะมีวันนี้ รวมไปถึงเรื่องราวที่เคยเสียน้ำตาเพราะความรักมาแล้ว

จุดเปลี่ยนชีวิต “ย้ายจากไทยไปนิวยอร์ก”

“ผมสอบเข้าบดินทรเดชาไม่ได้ แม่ผมก็เลยบอกว่าอย่างนั้นก็ขายบ้าน ไปใช้ชีวิตที่นิวยอร์กกัน เขารู้นะว่าถึงอยู่นี่ไป ยังไงเราก็ต้องเป็นบุคคลลากรเงินเดือน ซึ่งเราไม่สามารถไปต่อยอดได้ แม่ผมก็อยากให้ลูกได้ดี ได้ดีกว่าเขา ดีกว่าพ่อที่เป็น สาเหตุที่ไปอยู่นิวยอร์กเพราะว่าน้องสาวของคุณพ่อมีร้านอาหารอยู่ที่นั่นพอดี ก็เลยตัดสินใจไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น

การใช้ชีวิตที่นั่นช่วงแรกไม่ง่ายเลย คืนแรกผมจำได้เลยว่าอาบน้ำในอ่างล้างจาน นอนที่ชั้นใต้ดิน ผมเลยคิดว่า “นี่เหรอชีวิตที่นิวยอร์ก” ผมพูดอะไรไม่ได้นะ เพราะพ่อแม่อุตส่าห์มาลำบากที่นี่แล้ว ทิ้งงานทิ้งเพื่อนที่เมืองไทยมาที่นี่แล้ว พาเรามาเริ่มชีวิตใหม่อยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นเราบ่นไม่ได้ เป็นคนเอเชีย อยู่ที่นั่นก็โดนแกล้งเป็นประจำอยู่แล้ว ขนาดคนเอเชียกันเองก็แกล้งเราเหมือนกัน

เพื่อนที่ดีที่สุดคือทีวี หลังเลิกเรียน ผมก็นั่งดูแต่ทีวีและผมก็ฝึกษาอังกฤษจากทีวีด้วย ดูพวก Sitcom ต่างๆ พระเอกเขาพูดยังไง เวลาเขาเจอเพื่อนเขาทักยังไง เราถูกสอนให้ไป Hello แต่พระเอกเขา Hey! How are you? เราก็เลย Heyคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง! How are you? เราก็เลยเริ่มก๊อปทุกอย่างจาก TV ฝึกสำเนียงจาก TV ไป แต่กับสิ่งอบายมุขผมทำไม่ได้เลย เพราะแม่เขาผมสอนว่าทำอะไรก็ได้ทำเลย แต่ขออย่างเดียวคือห้ามยุ่งเกี่ยวกับสิ่งอบายมุขเด็ดขาด”

ขัดใจแม่กลับไทยตามฝันอยากเป็นนักร้อง

“อยู่นิวยอร์กมา 17 ปี นานพอที่จะลงหลักปักฐานได้แล้ว แต่ความฝันก่อนมาเป็นพิธีกรคืออยากเป็นนักร้อง แต่แม่ไม่เห็นด้วยและร้องไห้ 2 เดือน ที่ตัดสินใจกลับมาอยู่เมืองไทยเพราะอยากเป็นนักร้อง Grammy อยากเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ อยากเป็นเหมือนหนึ่งในลิสต์นักร้องของแกรมมี่ ตอนนั้นพอเรียนจบแล้วก็ได้งานที่ธนาคาร ว่างๆ ก็ชอบแต่งเพลงไปเรื่อย สุดท้ายแล้วความสุขของเราคือการที่ได้ไปยืนบนเวที แล้วร้องเพลง วันนึงก็บอกกับแม่ว่าอยากลาออกจากงาน แม่ก็ร้องไห้และไม่พูดกับผมเลยเป็นเวลา 2 เดือนได้”

เส้นทางการ DJ ของ PK

“ทั้งชีวิตตัวเองไม่เคยอยากเป็นดีเจเลย ไม่เคยคิดไม่เคยชอบอะไรในอาชีพนี้เลย แต่มีโอกาสไปที่เอไทม์แล้วเอาเดโมไปให้คนที่นั่น และผมก็มีพี่ที่รู้จักเขาทำงานเป็นดีเจที่นั่น เป็นรายการสอนภาษา จากนั้นพี่เขาก็พาผมมารู้จักกับ ‘พี่ฉอด สายทิพย์’ เขาเห็นว่าผมพูดภาษาไทยได้ ภาษาอังกฤษได้ เลยถามผมว่าอยากเป็นดีเจไหม แต่ผมก็ไม่ได้อยากเป็น แต่เป็นเพื่อที่จะแอบเอา เดโมของผมฝากให้ศิลปินที่มาสัมภาษณ์แล้วให้เขานำไปให้ผู้จัดหรือโปรดิวเซอร์ของเขา แต่ผมก็ไม่ได้อยากเป็นพิธีกรอยู่แล้ว ใจคิดอยู่อย่างเดียวไหนๆก็อยู่แกรมมี่แล้วก็ต้องเป็นนักร้องให้ได้

จุดพลิกเป็นดีเจอ มีพี่คนนึงต้องเป็นแขกรับเชิญในรากาย morning talk แล้วเขาไม่สะดวกไป เขาเลยโทรมาขอให้ผมไปทำหน้าที่แทนผมก็เลยไป รายการนี้เจ้าของเป็นฝรั่งแล้วเขาก็ชอบในตัวผม แล้วมายืดข้อเสนอให้ผมมาลองเป็นพิธีกรในรายการของเขาซึ่งเป็นรายการภาษาอังกฤษเลย เมื่อก่อนผมดูพิธีกรคนอื่นๆว่าพิธีกรคืออะไร เขาทำอย่างไรบ้างให้คนในงานได้หยุดฟังเรา ทำให้คนในงานเอ็นจอยไปกับผม ผมก็ศึกษาจากพวกเขาแล้วฝึกฝนมาเรื่อยๆ ถามว่าทำไมถึงพยายามในอาชีพนี้ขนาดนี้เหตุผลง่ายๆ เลยคืออยากรวย ทำอย่างไรก็ได้ให้งานต่อไปให้เกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ ทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้าประทับใจกับงานของเรา คิดแบบนี้มาตลอด”

ไม่ใช่ทุกคนที่ทำงานหนัก แล้วจะรวย?

“ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มนึงตอนที่ยังอยู่นิวยอร์ก เขาบอกว่า “ถ้าอยากจะรวย อยากจะมีเงินล้าน มันต้องมีรายได้เข้า 6 ทางด้วยกันหรือเข้ามาอย่างน้อย 6 ทางด้วยกัน” ประโยคนั้นติดมาในหัวมาตลอด จนได้มารับงานที่เมืองไทยเป็นดีเจมีรายได้ แล้วต่อมาได้รายได้จากงานพิธีกร การอ่านสปอร์ตการลงทุน ผมเลยคิดว่าเรามีโอกาสที่จะรวย พอผมเห็นหนทางแบบนี้ผมก็มุ่งทุกอาชีพที่เราเก่ง เงินก็ค่อยๆ ไหลเข้ามาจาก 6 ช่องทางหรือมากกว่านั้น ถ้าคุณยิ่งเก่งคุณก็ยิ่งสามารถหามากกว่านั้น ผมเริ่มจากศูนย์ตลอดเวลาผมจะบอกตลอดว่า “ผมคือ MC rock star คุณคืออับดับ 1 คุณต้องทำงานให้ได้อำดับ 1 ไม่ให้เหลือพื้นที่ให้ใครมาแตะได้เลย” ง่ายๆคือ “เป็นคนที่หาตัวจับยาก” ผมมีทุกวันนี้ได้ เพราะแบบนี้เอง ผมเคยรับงานวันนึงเยอะสุด 11 งาน ก็เป็นงานทีวี , วิทยุ , อ่านสปอร์ต และอีเวนต์ ทั้งตอนบ่ายกับกลางคืน แต่ผมชอบ ผมไม่รู้สึกว่ามันเป็นงาน ผมรู้สึกแค่ว่ามีความสุข”

‘อกหัก’ จุดเปลี่ยนชีวิตเจออีกสิ่งที่รัก

“ตอนเด็กอกหักจากแฟนคนแรก ตอนเลิกกันแฟนเดินมาแล้วโบกมือ Say Goodbye แล้วขึ้นรถรถสปอร์ตไป ผมก็ร้องไห้ ร้องๆความเสียใจเป็นความแค้น และกลับมาคิดว่า “วันนึงผมจะทำงานและเก็บตังมาซื้อรถคันนี้ให้ได้” พอได้คันแรกแล้ว ก็เริ่มเก็บคันอื่นๆมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เป็นการหลงใหลในการสะสมรถมาเรื่อยๆ”

“พีเค ปิยะวัฒน์” เปิดหมดเปลือกจุดเปลี่ยนชีวิต เคยเสียน้ำตาเพราะความรัก

By admin

Related Post